ท้อ มืดแปดด้าน ชีวิตมนุษย์พ่อ และก็พ่อบ้านใจกล้า เอ๊ะ จิรากร

เอ๊ะ จิรากร ด้วยความเป็นผู้นำครอบครัว ภาระเยอะ ถามว่ามีอ่อนแรงมีท้อไหม เอ๊ะพูดว่า“วันที่ท้อน่าจะเป็นช่วงโควิดแหละ เราไม่รู้จะทำอะไร มันมืดแปดด้าน โควิดคนก็ประหยัดกัน เงินเก็บก็ไม่ค่อยจะมี อาชีพก็ไม่มี ออกมาทำงานก็ไม่ได้ ผ่านมาได้ก็คือสุดยอด ตอนนั้นคือประกาศขายบ้านขายคอนโดฯ แล้วนะ สรุปไม่มีใครซื้อเลย เราก็ต้อง Hold ทรัพย์สินเรา ตอนโควิด เราหลุดไปแค่รถตู้คันนึง แต่อีก 2 คันยังอยู่ ตอนนั้นมีรถ 3 คัน ช่วงนั้นร้านเสื้อผ้าปิดด้วยเพราะห้างปิด แล้วก็มาไลฟ์ขายของ ตอนนี้ก็ยังขายอยู่ แต่น้อยแล้ว
ช่วงที่ลำบากสุดๆ ตอนนั้นก็ดาวน์นะ เราเป็นผู้นำครอบครัวแต่ไม่สามารถออกไปทำงานได้ มันไม่ต่างจากคนเป็นอัมพาต แต่ดีที่มีคนชวนทำโน่นทำนี่ ช่วงนั้นเราเปลี่ยนตัวเองหน้ามือเป็นหลังมือ ตอนนั้นหงอยๆ อยู่ 3-4 เดือน เงินเก็บที่มีอยู่ไม่สามารถดูแลทั้งบ้านได้ ก็ต้องพลิกเลย ช่วงที่ติดโควิดทั้งบ้านไม่ค่อยเครียดเท่าไร เพราะตอนนั้นเงินเก็บยังพอมี ธุรกิจยังพอไปได้ แต่เรื่องร้องเพลงไม่หมดไฟนะ ยังไลฟ์ร้องเพลง เราเป็นคนบ้าเพลงอยู่แล้ว มีสมบัติเก็บไว้เยอะ แผ่นไวนิลราคาเป็นหมื่น แรร์ไอเท็ม แต่ยังไม่ขาย เก็บไว้ก่อน”
ถามว่ามีอะไรที่ต้องการทำแต่ยังไม่ได้ทำไหม เอ๊ะ จิรากร พูดว่า
“ยังไม่ได้ทำร้านนวด เรารู้สึกว่าอะไรที่มันใกล้ตัวเรา เรามีความรู้ในอาชีพนั้นๆ เรานั่งคุยกับหมอนวดจนเรารู้ว่าต้องนวดยังไง แก้อาการแบบไหน หรืออย่างเราชอบกินอาหารทะเล ก่อนจะเป็นอีกาดำ ก็ทำอาหารทะเลขายที่ CDC มันมีความรู้ติดตัวหมดเลย มันเป็นสิ่งที่เราชอบอยู่แล้วไง แล้วเราเอาสิ่งนั้นเป็นอาชีพ
ชีวิตมนุษย์พ่อ
เว้นเสียแต่หน้าที่นักร้อง รวมถึงรายได้เสริมต่างๆที่จำต้องรับผิดชอบ เอ๊ะ จิรากร ยังคงทำหน้าที่พ่อของลูกๆทั้ง 3 น้องเอญ่า (บุตรสาวคนโต), น้องพีเจ (ลูกชาย), น้องเฌอร์ลีน (บุตรสาวคนเล็ก) ที่ในตอนนี้กำลังซนทีเดียว เรียกว่าอยู่ในวัยเรียนรู้
เราถามว่าลูกๆแต่ละคนเป็นยังไงบ้าง เอ๊ะเล่าว่า “ด้วยวิวัฒนาการเดี๋ยวนี้ เราไปดูเรื่องลายมือมาแล้วว่าเด็กคนไหนเกิดมามีเปอร์เซ็นต์ว่าจะมีอาชีพอะไรบ้าง อย่างเอญ่าเขาไม่ได้มาทางดนตรี เขามาทางข้าราชการ ทนาย อัยการ เขาเลยเป็นคนที่ตงฉิน ถ้าเขาผิดก็ยอมรับผิด หรือรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง วิธีซ่อนความผิดเป็นยังไง เขาก็มีความเป็นตัวเขา ปีนี้ 10 ขวบแล้ว ก็ต้องค่อยๆ สอนกันไปเรื่อยๆ แต่เรื่องดนตรียังไม่ได้ชอบอะไร ก็มีไปดูคอนเสิร์ตบ้าง เล่นดนตรีได้ทุกอย่าง แต่ไม่ได้ชอบอะไรขนาดนั้น ก็ต้องปล่อยเขาไป
ส่วนน้องพีเจมาแนวตีกลอง วันนั้นเคน (วง Zeal) ไปที่บ้าน ก็ให้เคนดูแล้วว่าน่าจะต่อยอดอะไรได้บ้าง ตอนนี้คุยกับอาจารย์โน้ต วีรฉัตร ที่สอนตีกลอง ก็จะให้เรียนกับอาจารย์โน้ตก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยเรียนต่อยอด เราพยายามจะดึงศักยภาพในสิ่งที่เขาจะมีลายเซ็นเป็นของตัวเอง เด็กเดี๋ยวนี้ตีกลองกันเยอะ แต่เราพยายามจะดึงลายเซ็นของเขาให้ไวกว่าคนอื่น แล้วก็ด้านบอล ตอนนี้เตะบอลด้วย อยู่กับเยาวชนของ BG ก็ไปขอฝึก เตะบ้างไม่เตะบ้าง
น้องเฌอร์ลีนตอนนี้อายุ 3-4 ขวบเอง ยังบอกอะไรไม่ได้ เท่าที่สังเกตน่าจะเป็นพ่อค้าแม่ค้านี่แหละ พูดเก่ง คนนี้ได้แม่ แม่ขายของเก่ง แม่บอกเสื้อตัวนี้นิ่มนะ แต่เขาบอกว่าคัน ไปในทิศทางเดียวกัน (หัวเราะ) เป็นคนกวนดี มีความเป็นตัวเอง เราก็วางกองไว้ให้เขา อยู่ที่เขาจะหยิบจับอะไร ถ้าเขาชอบอะไรก็สนับสนุน”
เอ๊ะบอกว่า ช่วงนี้ภรรยาจะเหนื่อยหน่อย ปวดหัวกับลูกๆ อย่างน้องเอญ่า จะน่าเป็นห่วงนิดหน่อย เพราะอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
ก็ต้องช่วยๆ กัน ด้วยความที่ที่บ้านมีคนเยอะ บางทีก็มีแลกเปลี่ยนทัศนคติ กับครูหลายคน จะมีทั้งครูดนตรี ครูสอนภาษาที่มาสอนที่บ้าน ลูกๆ เลยได้คุยกับคนเยอะ รู้จักการวางตัว แต่ด้วยความที่เรียนโรงเรียนอินเตอร์ เรื่องมารยาทแบบไทยก็ต้องค่อยๆ ปรับกันไป แต่ถามว่าเคารพไหมก็เคารพ ก็ค่อยๆ สอนไป
ถามว่ากังวลเรื่องอะไรเกี่ยวกับลูกๆ เอ๊ะบอกว่า “กังวลเรื่องโซเชียลนี่แหละ อย่างเรื่องบูลลี่มีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว อย่างเราก็โดนบูลลี่ว่าเตี้ย เราก็ไม่แคร์อะไรเพราะไม่มีผลอะไรกับชีวิต
แต่ถามว่ารู้สึกมั้ยรู้สึกนะ แต่ไม่ได้อะไร เราก็เล่นเลย สูง 180 คนก็ฮาไป แล้วก็ไม่กล้าบูลลี่เราต่อเพราะเราเล่นมุกนั้นไปแล้ว ก็พยายามบอกว่าใครไม่ชอบหนูก็ช่างเขา ปล่อยเขาไป เขาไม่ได้รู้จักเรา ไม่มีผลกระทบอะไรกับชีวิตอยู่แล้ว ให้เขาเจอคนเยอะๆ แล้วถามเขาดูว่าคิดยังไง จงเป็นคำถามปลายเปิดให้ลูก อย่าถามว่าอันนี้ถูกหรือผิด ใช่หรือไม่ใช่”
พ่อบ้านใจกล้า
พอถามว่าต้องทำหน้าที่ดูแลลูกแล้ว ดูแลศรีภรรยา ชมพู่ วรัญญา บุญล้ำ อย่างไรบ้าง เจ้าตัวตอบติดตลกแบบพ่อบ้านใจกล้า“ดูแลแบบบุฟเฟต์ครับ หากินเอาเอง (หัวเราะ)” ก่อนจะบอกว่าล้อเล่นและพูดว่า “เราอยู่ด้วยกันมา 10 ปีแล้ว มันอยู่เพื่อเติมพลังกันและกัน และเป็นแหล่งพลังงานที่ดีของลูก แค่นั้นก็พอแล้ว เพราะเราไม่รู้ว่าใครจะไปก่อนใคร มันก็เลยมีความรู้สึกว่าไม่ต้องทำให้ทุกวันเหมือนเป็นวันสุดท้ายหรอก แต่ทำทุกวันให้มีความสุขแค่นั้น วันไหนเมาแฮงก์แล้วหายไปวันนึงโคตรเสียดายชีวิตเลย”
เราแซวว่า บางวันเห็นภรรยาโพสต์ว่า ถ้าไม่กลับบ้านเวลานี้จะให้นอนนอกบ้าน เอ๊ะตอบว่า “ก็ไปกับใครล่ะ เป็กซ์ วง Zeal งี้ (หัวเราะ) ไม่ใช่หรอก ไม่ได้ขี้เมาอะไรขนาดนั้น คือเราแค่ไปเจอเพื่อน ไปปาร์ตี้แค่นั้นเอง ไม่ได้เดือดร้อนใคร แต่เดือดร้อนเมียที่บ้านคอยเก็บนี่แหละ (ยิ้ม)
แต่ไม่ขนาดนั้นหรอก เขาเจอเรามาตั้งแต่ 10 ปีก่อนหน้านี้เราเป็นแบบนี้ ทุกวันนี้ก็ยังเป็น แต่ก็ห่างลง ไม่ได้ปาร์ตี้ทุกวัน วันไหนมีงานก็ดื่มเล็กๆ น้อยๆ ไป แต่วันไหนไม่มีงาน เขาชวนกิน อยู่บ้านนี่บอกเธอกินไปเลย ฉันนั่งดูเธอกิน เขาก็นั่งกินโซจู ดูซีรีส์เกาหลี เดือดร้อนเราไง ต้องมานั่งดูเขาเนี่ย (ยิ้ม)”
ทั้งนี้ เอ๊ะ จิรากร อยู่ในวงการเพลงมานานกว่า 12 ปีแล้ว สำหรับนักร้องหนุ่ม เสียงทรงพลัง ที่มีผลงานเพลงป๊อปเพราะๆ อาทิ จากนี้ไปจนนิรันดร์, ไม่มีตรงกลาง, ใจกลางความรู้สึกดีดี, ระหว่างเราสองคน, ตั้งใจ, ไม่ใช่ความลับ, สิ่งที่มันกำลังเกิด ฯลฯ
อีกทั้ง แจ้งเกิดเต็มๆ จากการเป็น “หน้ากากอีกาดำ” ในรายการ “The Mask Singer” ทางช่องเวิร์คพอยท์ โด่งดังการร้องคัฟเวอร์เพลงร็อก อาทิ Zombie (ศิลปิน The Cranberries), What’s up (ศิลปิน 4 Non Blondes), Endless Rain (ศิลปิน X Japan), ทิ้งรักลงแม่น้ำ (ศิลปิน Y Not 7) ฯลฯ ที่ทำให้หลายคนรู้ว่า แท้จริงแล้ว เอ๊ะ จิรากร เป็นชาวร็อก ท่านหนึ่งเช่นกัน