The Last of Us: “เชื้อราซอมบี้” มีจริงไหม และจะเปลี่ยนมนุษย์เป็นผีดิบได้หรือไม่

เดอะลาสต์ออฟอัส (The Last of Us) ซีรีส์จากค่าย HBO ที่ผลิตขึ้นมาจากวิดีโอเกมส์ชื่อดังกำลังเขย่าขวัญผู้ชมด้วยเรื่องราวสุดสยองของเชื้อราที่แปลงมนุษย์ให้กลายเป็นซอมบี้
ตามเนื้อเรื่องระบุว่า เมื่อมนุษย์ได้รับสปอร์เชื้อราประเภทนี้ไปสู่ร่างกาย เห็ดราก็จะเติบโตขึ้นแล้วเข้าควบคุมความคิดจิตใจ จนกระทั่งผู้ครอบครองร่างสูญเสียการควบคุมตัว แล้วก็ถูกสั่งให้ป่ายปีนขึ้นสู่ที่สูง
เชื้อราปรสิตจะกัดกินเหยื่อจากด้านใน เพื่อสกัดสารอาหารทั้งหมดจากร่างเหยื่อสำหรับเตรียมนำไปสู่ขั้นสุดท้าย
เจมส์ กาลาเฮอร์ ผู้ดำเนินรายการอินไซด์เฮลธ์ (Inside Health) ทางสถานีวิทยุบีบีซีเรดิโอโฟว์ชี้แจงว่า ฉากหนึ่งในเรื่องที่น่าหวาดเสียวยิ่งกว่าหนังสยองขวัญทั้งปวงก็คือ ภาพของกิ่งก้านที่ความตายที่แตกออกออกจากศีรษะเหยื่อผู้ถูกเชื้อราซอมบี้เข้าครอบครอง ซึ่งในเวลาต่อมา ร่างเหยื่อเหล่านี้จะแพร่สปอร์เชื้อรามรณะออกไปรอบกาย เพื่อมนุษย์คนอื่นติดเชื้อแล้วกลายสภาพเป็นซอมบี้เหมือนกัน
กาลาเฮอร์บอกว่าแม้เนื้อเรื่องนี้จะเป็นเพียงนิยายสยองขวัญ แต่ก็มีเค้าโครงจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ
เชื้อราปรสิตที่ชื่อ คอร์ดิเซปส์ (Cordyceps) รวมทั้งโอฟิโอคอร์ดิเซปส์ (Ophiocordyceps) ได้รับฉายาว่า “เชื้อราซอมบี้” เนื่องจากสามารถควบคุมร่างกายของแมลงให้มีพฤติกรรมจากซอมบี้ได้ และเซอร์ เดวิด แอตเทนบะระ นักธรรมชาติวิทยาชื่อดังชาวอังกฤษก็เคยพรีเซ็นท์เรื่องราวนี้เอาไว้ภายในสารคดีชุดแพลนลานเน็ตเอิร์ธ (Planet Earth) ของสถานีวิทยุกระจายเสียงบีบีซีที่บ่งบอกถึงเชื้อราชนิดนี้เข้าบงการและก็กัดกินมดตัวหนึ่ง
ภาพน่าตะลึงงันของ “มดซอมบี้” ในสารคดีชุดนี้ได้กลายเป็นแรงผลักดันสำหรับเพื่อการสร้างวิดีโอเกมยอดฮิต The Last of Us รวมทั้งซีรีส์ที่มีเค้าโครงเรื่องเดียวกัน
ทั้งในเกมและก็ซีรีส์บอกเล่าเรื่องราวของเชื้อราคอร์ดิเซปส์ที่ข้ามขั้นจากการหาเหยื่อที่เป็นแมลงมาเป็นการเข้าครอบครองร่างของมนุษย์ กระทั่งนำไปสู่การระบาดใหญ่ที่เผาผลาญเผ่าพันธุ์มนุษย์
แต่ว่าในโลกของความจริงมีความเป็นไปได้มากแค่ไหนที่จะเกิดการระบาดใหญ่ของเชื้อคอร์ดิเซปส์ หรือเชื้อเห็ดราชนิดอื่นๆ
ดร.นีล สโตน ผู้เชี่ยวชาญด้านเชื้อราจากโรงพยาบาลโรคเขตร้อนในกรุงลอนดอนให้สัมภาษณ์กับบีบีซีว่า “ผมคิดว่าพวกเราประเมินความเสี่ยงจากการติดเชื้อราต่ำเกินไป”
“พวกเรามีความคิดเช่นนี้มายาวนาน และไม่มีการเตรียมรับมือกับการระบาดใหญ่ของเชื้อราอย่างสิ้นเชิง” เขากล่าว
ช่วงสิ้นเดือน ต.ค. 2022 องค์การอนามัยโลก (World Health Organization หรือ WHO) ได้ออกรายชื่อเชื้อราที่เป็นอันตรายต่อชีวิต
บัญชีดังกล่าวประกอบไปด้วยเชื้อราร้ายแรงหลายชนิด แต่ไม่มีชื่อของเชื้อราคอร์ดิเซปส์ปรากฏอยู่ด้วย เหตุใดก็เลยเป็นเช่นนั้น
ดร.ชาริสซา เดอ เบกเกอร์ นักจุลชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยอูเทรคต์ ในเนเธอร์แลนด์ซึ่งศึกษาเรื่องที่เชื้อราคอร์ดิเซปส์เปลี่ยนมดให้มีพฤติกรรมเสมือนซอมบี้ พูดว่าเธอมองไม่เห็นว่าสถานะการณ์ลักษณะนี้จะเกิดขึ้นกับมนุษย์ได้
เธออธิบายว่า “อุณหภูมิร่างกายของเราสูงเกินกว่าที่เชื้อราส่วนใหญ่จะสามารถเข้ามาอาศัยและเจริญเติบโตได้ ซึ่งนี่ก็เป็นกรณีเดียวกันสำหรับเชื้อราคอร์ดิเซปส์”
“ระบบประสาทของพวกมันไม่ซับซ้อนเท่าของคนเรา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายกว่าที่จะเข้าควบคุมสมองของแมลงเมื่อเทียบกับของมนุษย์ นอกจากนี้ระบบภูมิคุ้มกันของมันยังแตกต่างจากของพวกเรามาก” ดร. เดอ เบกเกอร์ กล่าว
นักจุลชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยอูเทรคต์ระบุว่า เชื้อราคอร์ดิเซปส์ส่วนใหญ่มีวิวัฒนาการในช่วงหลายล้านปีที่ผ่านมาให้แพร่เชื้อสู่แมลงได้อย่างเฉพาะเจาะจงเพียงชนิดพันธุ์เดียว เชื้อส่วนใหญ่จะไม่กระโดดข้ามจากแมลงชนิดหนึ่งไปสู่ชนิดอื่น
ดังนั้น ดร. เดอ เบกเกอร์ ชี้ว่า “การที่เชื้อราชนิดนี้จะแพร่จากแมลงชนิดหนึ่งมาทำให้มนุษย์ติดเชื้อได้นั้นจะเป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่มาก”
เดอะลาสต์ออฟอัส ภัยจากเชื้อราที่อันตรายกว่าคอร์ดิเซปส์
ดร.สโตน ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเชื้อราจากโรงหมอโรคเขตร้อนในกรุงลอนดอนเตือนว่า ภัยคุกคามจากเชื้อราเป็นสิ่งที่ผู้คนเฉยเมยมาเป็นเวลานาน
ถึงแม้ในบรรดาเชื้อราที่เจอบนโลกหลายล้านชนิดพันธุ์ จะมีเพียงไม่กี่ชนิดที่ก่อให้เกิดโรคร้ายได้ แต่เชื้อรากลุ่มเล็กๆเหล่านี้ก็บางทีอาจเป็นภัยคุกคามชีวิตผู้คน มีข้อมูลว่าในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากเชื้อราก่อโรคราว 1.7 ล้านคน หรือประมาณ 3 เท่าของคนตายจากเชื้อมาลาเรีย
เชื้อราที่ WHO จัดให้เป็นเชื้อที่น่าวิตกอย่างยิ่งมีอยู่ด้วยกัน 19 ชนิด ซึ่งรวมถึงเชื้อราดื้อยา “แคนดิดา ออริส” (Candida auris) ที่พึ่งอุบัติขึ้นเมื่อไม่นานมานี้รวมทั้งเกิดอันตรายถึงชีวิต รวมทั้งเชื้อราดำมรณะ “มิวคอร์ไมโคซิส” (mucormycosis) ที่กัดกินเนื้อเยื้อของเหยื่ออย่างรวดเร็วจนสร้างความย่ำแย่บนบริเวณใบหน้า
ดร.สโตน ระบุว่า เชื้อแคนดิดา ออริส เป็นชนิดที่ต้องเฝ้าระวังอย่างยิ่ง ด้วยเหตุว่าแม้เราได้รับเชื้อชนิดนี้เข้าสู่ร่างกาย เชื้อจะเข้าสู่กระแสเลือด ระบบประสาท รวมทั้งอวัยวะภายใน
WHO ประเมินว่า ราวครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อแคนดิดา ออริสจะได้รับอันตรายรุนแรงจนเสียชีวิต
“มันเหมือนอสุรกายที่อุบัติขึ้นเมื่อ 15 ปีก่อน แต่ปัจจุบันพบได้ทั่วโลก” ดร.สโตนกล่าว
มีรายงานการตรวจเจอเชื้อแคนดิดา ออริสครั้งแรกในหูของผู้ป่วยที่โรงพยาบาลผู้สูงอายุมหานครโตเกียวในปี 2009
แคนดิดา ออริส สามารถทนทานต่อยาต้านเชื้อรา และก็บางชนิดพันธุ์ยังทนทานต่อยาทุกชนิดที่มีอยู่ในปัจจุบัน นี่จึงทำให้มันถูกจัดอยู่ในกลุ่มเชื้อดื้อยา
การติดเชื้อแคนดิดา ออริสมักเกิดขึ้นผ่านพื้นผิวในโรงพยาบาลที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ เชื้อสามารถเกาะติดที่สายสวนหลอดโลหิตดำ และปลอกที่มีไว้ใส่แขนวัดความดันโลหิต ซึ่งการกำจัดเชื้อทำเป็นยากมากมาย หลายครั้งโรงพยาบาลมักจำต้องปิดหอผู้ป่วยทั้งยังแผนก
เชื้อราอันตรายอีกชนิดคือ คริปโตค็อกคัส นิโอฟอร์แมนส์ (Cryptococcus neoformans)
ที่สามารถเข้าสู่ระบบประสาทของมนุษย์รวมทั้งทำให้เกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้
เอลลีรู้ซึ้งถึงอันตรายของเชื้อราชนิดนี้เป็นอย่างดีในขณะที่เธอกับ ซิด สามีไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ที่คอสตาริกา แล้วเอลลีก็ล้มป่วยจากการติดเชื้อคริปโตค็อกคัส
ในขณะนั้นเอลลีเริ่มจากมีลักษณะปวดหัวแล้วก็อาเจียน แล้วต่อจากนั้นก็เริ่มชักอย่างร้ายแรงจนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
ผลการสแกนพบว่าเอลลีมีลักษณะสมองบวม รวมทั้งผลการตรวจรับรองว่าเธอติดเชื้อคริปโตค็อกคัส แต่เคราะห์ดีที่เอลลีสนองตอบการดูแลรักษาได้เป็นอย่างดี
“ฉันจำได้ว่าตัวเองกรีดร้อง” เอลลีเล่าถึงตอนที่ตัวเองเกิดอาการประสาทหลอน ปัจจุบันเธอหายป่วยแล้ว แต่ยอมรับว่าไม่เคยคิดมาก่อนว่าเชื้อราจะก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงถึงเพียงนี้
ส่วนเชื้อมิวคอร์ไมโคซิส ซึ่งได้รับฉายาว่า “เชื้อราดำมรณะ” ถือเป็นเชื้อฉวยโอกาสที่จะเข้าโจมตีผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำ
ดร.รีเบกกา กอร์ตัน จาก Health Services Laboratory หน่วยบริการด้านพยาธิวิทยารวมทั้งการวินิจฉัยโรคในกรุงลอนดอน ระบุว่า เชื้อมิวคอร์ไมโคซิสพบได้ยากในมนุษย์ แต่ว่าแม้ได้รับเชื้อก็จะเป็นอันตราย การติดเชื้อรุนแรงมักมีผลต่อจมูก ดวงตา และก็สมอง
ในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19 อินเดียมีรายงานเจอผู้ติดเชื้อมิวคอร์ไมโคซิสเป็นจำนวนมาก แล้วก็มีผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวเนื่องกับเชื้อราชนิดนี้กว่า 4,000 คน
การติดเชื้อรามีความแตกต่างจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัส มนุษย์มักติดเชื้อราจากสภาพแวดล้อม มากกว่าการรับเชื้อจากการไอหรือจาม
มนุษย์เรามักสัมผัสกับเชื้อราอยู่เป็นประจำ แต่เชื้อราจะทำให้เราล้มป่วยได้ก็เมื่อร่างกายเรามีภูมิป้องกันอ่อนแอ
ดร.สโตนพูดว่า การระบาดใหญ่ของเชื้อราอาจเกิดขึ้นในแบบที่ไม่เหมือนกับการระบาดของโควิด ในแง่ของลักษณะการระบาดรวมทั้งผู้ติดเชื้อ
เขามีความคิดว่ามีความเสี่ยงที่โลกจะเผชิญการระบาดใหญ่ของเชื้อรา เนื่องจากว่าปัจจัยต่างๆตัวอย่างเช่น การที่มีเชื้อราอยู่อย่างดาษดื่นในสภาพแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเดินทางระหว่างประเทศ ตลอดจนปริมาณผู้ติดเชื้อที่มากขึ้น รวมทั้งความละเลยในการรักษาผู้ติดเชื้อ
ถึงแม้เชื้อราจะไม่ทำให้มนุษย์กลายเป็นซอมบี้ แต่ก็อาจเป็นภัยคุกคามสาธารณสุขมากกว่าเพียงแค่ปัญหาเชื้อราตามเท้านักกีฬา
ที่มา BBCThai